Monday, 24 October 2016

Comments: Schematic Design Pin-Up

รวมข้อเสนอเเนะจาก Pin-Up วันที่ ๑๘ ต.ค. ๒๕๕๙

จากการนำเสนอเมื่อวันดังกล่าว สามารถสรุปข้อเสนอเเนะจากลูกค้า เเละ อ. ธีรพล นิยม ได้ดังนี้

๑. รูปแบบอาคาร

อยากให้ออกเเบบอาคารเป็นอาคารสมัยใหม่ ซึ่งเเสดงความเป็นรุ่งอรุณ

อาคารโรงช้างอยากให้ออกเเบบพื้นที่ให้เกิดเป็นพื้นที่ที่มีความสนุก ลองพยายามเน้นความมีอยู่ของสิ่งปลูกสร้างเดิมด้วยสิ่งปลูกสร้างใหม่

เรือนศิลปะสามารถรื้อถอนได้ เเละออกเเบบให้เเต่ละมุมของ Space มีความน่าตื่นเต้น มีความเคลื่อนไหวทางอารมณ์ อย่าให้อิทธิพลมาเป็นเครื่องพันธนาการความคิดสรา้งสรรค์

ออกเเบบรูปแบบอาคารที่ตอบโจทย์การใช้งาน รูปแบบผัง ผังอาคาร ลาน เเละรูปแบบอาคาร เรามี Idea ในหัวยังไงบ้างจากที่ได้รับ Comments ไปเเล้ว

๒. Space

ผู้บริหารต้องให้เปิดพื้นที่ให้เห็นบึง ต้องงานออกเเบบที่ดูสนุก ไม่จำเป็นต้องเหมือนเดิม

ควรจะลอง define พื้นที่ว่าง (Space) ว่าต้องการให้เกิดอารมณ์เเบบไหน เพราะเหตุใด อาจจะลอง Organic Space

ออกเเบบพื้นที่ที่รองรับกิจกรรมที่ซ้อนทับกัน โดยช่วงเวลา

การสร้าง Space ต้องคำนึงถึง จำนวนคน ประเภทของกิจกรรม เเละรูปแบบของ Space ที่จะใช้งาน 

ทำ gallery ที่เป็นเหมือน sculpture เเละเป็น gallery ทั้งลาน อาจจะมี gallery ตั้งเเต่ด้านหน้าโรงเรียน

กระบวนการที่ทำให้เกิดการ appreciate space โดยการใช้เวลาเเละสถานที่

การตีความ Space ต้องมีการเพิ่ม Guide เเละ Layer การออกเเบบเรื่องการระเบิด Space ความพอดีของ Area Requirement

เรื่องส่วน Service ต้องคิดถึงเรื่อง Routing ของเเต่ละร้านค้า

Sense of Arrival มีความสำคัญมาก ๆ

การเดินผ่านพื้นที่ต่าง ๆ ไปสู่ Climax

๓. Presentation

การ present ต้องพูดให้ผู้ฟังประทับใจให้เร็ว

๔. ผัง

งานผังทำให้คนเกิดความผูกพันกับ Space ได้ เเละสัมพันธืกับวิถีชีวิต

ผังที่เขียนต้องเขียนให้ทะลุ เเละได้อารมณ์ งานสถาปัตยกรรมต้องทำให้เกิดอารมณ์ต่าง ๆ ที่ผู้ออกเเบบต้องการให้ users รู้สึก

๕. อื่น ๆ

ลองปฏิวัติอาจารย์!!!

ต้องการให้เกิด creative มากกว่านี้ 

ต้องมีจุดที่สะกด Users

สิ่งเเรกที่อยากให้เกิดความประทับใจ คือ ศิลปะ กับธรรมชาติ

เปลี่ยนวิธีการ drop-off ใหม่ เด็กโตหน้าโรงเรียน เด็กเล็กภายในดรงเรียน การเเลกที่จอดรถกับทางเดินของคน เนื่องจากเห็นรถเยอะ ๆ เเล้วให้ความรู้สึกที่เป็นอุตสาหกรรมเกินไป อยากให้ได้ความรู้สึก เเละเห็นธรรมชาติมากกว่านี้

สถาปัยกรรมต้องมีความสัมพันธ์กับวิถีชีวิต

โรงช้างเหมือนเป็น Reception ของโรงเรียน เป็นสัญลักษณ์ เเต่ยังไม่ใช่ความสำคัญสูงสุด 






Wednesday, 12 October 2016

MAHIDOL LEARNING CENTER

จิตวิญญาณของความเป็นมหิดล

อาคารที่ต้อนรับชาวมหิดลด้วยสัญลักษณ์ที่คุ้นเคย ทั้งอนุสาวรีย์พราะบรมราชชนก ปรัชญาของมหิดลที่แปลผ่านตัวอักษร เเละดอกกันภัย ๓ สัญลักษณ์ที่สำคัญถูกจัดวางอยู่บนเเกนหลักของอาคาร ช่วยสร้างบรรยากาศของความเป็นมหิดลภายในอาคาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้เขียนฉงนสงสัยตั้งเเต่ได้อ่านเเนวคิดวิธีการออกเเบบอาคารหลังนี้ โดยมีเป้าหมายที่เเสดงถึง "จิตวิญญาณ" ของชาวมหิดล เเละได้เห็นวิธีการใส่ "วิญญาณ" เข้าไปในกายภาพให้เกิดเป็น "สถาปัตยกรรม" ที่มีความหมายต่อผู้ใช้งาน

ศูนย์กลางมหาวิทยาลัยเเห่งนี้ถูกวางอยู่บนเเกนหลัก ๒ เเกน คือ ทิศเหนือ-ใต้ที่อยู่บนเเนวเดียวกับ มหิดลสิทธาคาร เเละทิศตะวันออก-ตกบนเเกนเดียวกับ หอพักนักศึกษา เเละอาคารเรียน ผู้ออกเเบบจงใจให้ทางเข้าออกหลักของอาคารอยู่ทางฝั่งหอพักนักศึกษา เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีการใช้งานตลอดเวลา เเม้กระทั่งช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งความหนาเเน่นในการใช้งานเเตกต่างจากทางฝั่งอาคารเรียน เเละทิศทางอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด

 บันไดบนทางเข้าหลักนี้ ยังเชิญชวนให้เดินขึ้นไปสู่ชั้นสองที่จัดให้เป็น Hall of Fame เเละโถงพระบิดา ซึ่งผู้ออกเเบบต้องการให้นักศึกษาได้เรียนรู้จุดเริ่มต้น เเละความเป็นมหิดล

ภายในตัวอาคารมีการเเบ่งคอร์ทออกเป็นสองส่วน คือคอร์ทด้านทิศใต้ที่มีขนาดใหญ่เเละมีการใช้งานเเบบ public เป็นที่ชุมนุมการรับน้อง การล้อมคอร์ทด้วยสัญลักษณ์ความเป็นมหิดล คือ พระรูปของพระบิดา ตัวอักษร เเละความหมายของคำว่ามหิดล เเละดอกกันภัย ช่วยสร้างมนต์คลังให้กับสถานที่เเห่งนี้ เสมือนเป็นที่เเรกเริ่มรับความเป็นมหิดลเข้าสู่จิตใจของนักศึกษาใหม่ เเละสร้างความหนักเเน่นลงในจิตใจของนักศึกษารุ่นพี่ ผ่านกิจกรรมการรับน้อง 


ถัดเข้ามาจากคอร์ทด้านทิศใต้ ภายในอาคารยังมีคอร์ทที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เป็นพื้นที่ที่มีการสัญจรมากที่สุด เพราะตั้งอยู่เเกนเดียวกับทางเข้าหลัก ทำให้คอร์ทมีความคึกคัก เเละเป็นทางเชื่อมต่อระหว่างอาคารโดยรอบกับพื้นที่ภายในอาคาร


circulation ในอาคารมีความน่าสนใจมาก เพราะประกอบไปด้วยรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งการเชื่อมต่อส่วนต่างๆ ก็คิดถึงบริบทโดยรอบ เช่น circulation ที่เชื่อมต่อหอพักนักศึกษาจากชั้นล่างไปสู่โถงพระบิดา ทางเชื่อมต่อระหว่างชั้นทางฝั่งตะวันออกที่เป็นที่ตั้งของชมรมต่าง ๆ ในเเต่ละชั้นมีทางเดินที่เข้าถึงกันได้ เเละบันไดที่เชื่อมจากฝั่งทางเข้าหลักตัดตรงไปสู่พื้นที่ชั้น ๓ เเละ ๔ ของอาคารซึ่งเป็นห้องประชุม เเละพื้นที่ทำงานที่ต้องการความสงบ การที่ทาง circulation มีความต่อเนื่องถึงกันทุกทิศทางทั้งเเนวระนาบ เเละเเนวดิ่งทำให้เวลาเข้าไปใช้งานอาคารมีความสะดวกสบายไม่น่าเบื่อ เเละสร้างงความน่าสนใจให้ตัวอาคารอย่างมาก 



สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือ อาคารนี้มีขนาดใหญ่มาก เเต่ด้วยการเจาะช่องเปิดเป็นคอร์ท เเละการออกเเบบที่ใช้ชานเป็นตัวเชื่อมต่อ function ในเเต่ละด้านของอาคารทำให้อาคารมีความโปร่ง เเละช่วยลดทอนความเป็นอาคารขนาดใหญ่ลงได้มาก นอกจากนี้ทางเดินในชั้นสองที่พาดผ่านเเนวเเกนทางทิศเหนือใต้ของอาคาร (บริเวณหน้าพระรูปพระบิดา) ก็มีความสูงพอที่จะไม่ให้เกิดความรบกวนเเนวเเกนหลักของอาคารหลังนี้เลย นอกจากนี้การมีช่องเปิดมาก เเละความสูงของเเต่ละชั้นส่งเสริมให้เกิดการถ่ายเทอากาศที่ดีในอากาศ เเม้จะยังมีความร้อนอยู่บ้าง เเต่ถือว่าช่วยทำให้ความร้อนในอาคารเบาบางลงได้มาก

อาคาร MLC เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจในการออกเเบบอาคารที่คำนึงถึงบริบทโดยรอบโดยเฉพาะเรื่องเเนวเเกนของพื้นที่เดิม อาคารเดิมที่อยู่โดยรอบ เเละความเป็นอาคารในเขตภูมิอากาศเเบบร้อนชื้น เป็นสิ่งที่น่าสนใจที่จะนำมาปรับใช้ในงานออกเเบบพื้นที่โรงเรียนรุ่งอรุณต่อไป