บ้านตะวันออก
๙.๙.๕๙คนมีบ้านเป็นปัจจัยหนึ่งในการดำรงชีวิต เเม้หลายชีวิตจะได้มีโอกาสใช้เวลาส่วนมากในที่ทำงานที่เป็นมาตรฐานทั่วไป เเต่ความรื่นรมณ์ของชีวิตจะเกิดขึ้นได้ทางหนึ่ง เมื่อได้สัมผัสกับบ้าน หรือสถาปัตยกรรมที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติ
บ้านอันเป็นสถานที่พักใจผ่อนกายจึงเป็นสถานที่ที่ควรคำนึง "บ้านของเรา" จะเป็นอย่างไร
บ้านตะวันออก อยู่บนพื้นที่ที่เคยเป็นร่องสวนหมากขนาด ๑ ไร่ ซึ่งอ.ย้งผู้ออกเเบบ เเละเจ้าของบ้านได้ใส่เเนวคิดความเป็นไทยในการออกเเบบ เพื่อให้เกิดภาวะน่าสบายเเก่ผู้อยู่อาศัย คือ อาจารย์ได้ถอดเอาเเนวคิด เเละรูปแบบสถาปัตยกรรมไทยมาประยุกต์ใช้ในบ้านหลังนี้ เเม้จะไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ของความเป็นไทยจากตัวบ้านเลย อาทิ การมีใต้ถุนบ้านที่เเทรกตัวอยู่หลาย ๆ จุดในบ้าน การเชื่อมพื้นที่อาคารในบ้านด้วยชาน ความสูงของหลังคา ทั้งหมดนี้เพื่อการระบายความร้อน เเละความชื้นทั้งสิ้น นอกจากนี้ การใช้ monumental scale ซึ่งเป็นรสนิยมของเจ้าของบ้าน เเละผู้ออกเเบบส่งเสริมให้เกิดความลดตัวตนของผู้อาศัยอย่างชัดเจน เเละการเน้นความเบาลองของพื้นที่บางส่วน เช่น ชานชั้น ๒ ของบ้านก็เป็นเเนวคิดหนึ่งของสถาปัตยกรรมไทย
ผังชั้น ๑ เเละ ชั้น ๒
พื้นที่รอบนอกตัวอาคารได้รับการจัดการให้ผู้อาศัยนั้นได้อยู่กับธรรมชาติ โดยเน้นให้มีร่มเงาภายในบริเวณบ้าน ตามความคิดที่ว่า "ร่มเงา คือ ความงามตามธรรมชาติของเขตร้อนชื้น" ผู้ออกเเบบให้ความสำคัญกับพื้นที่โล่งทั้งในตัวอาคาร เเละภายนอกอาคาร เพื่อให้เกิดการไหลเวียนของอากาศ เพื่อระบายความร้อน เเละลดความชื้น ซึ่งเราสามารถสัมผัสได้เมื่อเดินเข้าสู่บริเวณบ้านตั้งเเต่ภายนอกอาคาร ซึ่งมีอุณหภูมิเเตกต่างจากข้างนอกอย่างชัดเจน อาจารย์มีความคิดว่าบ้านหลังนี้ต้องทำให้ความรู้สึกระหว่างที่อยู่นอกบริเวณบ้าน เเละในบริเวณบ้านเเตกต่างกัน ให้ลืมความรู้สึกตอนอยู่ข้างนอกให้ได้
สัดส่วนความสูงของหลังคาในห้องนอน
Monumental Scale
การใช้หลังคาคลุมต่ำทำให้ชั้น ๒ ดูเล็กลง
การจัดวางผังอาคารมีความน่าสนใจที่วางห้องน้ำไว้ตรงจุดที่ร้อนที่สุดของบ้าน เพื่อไล่ความชื้นภายในห้องน้ำ เเละห้องนอน ห้องทำงานอยู่ในจุดที่รับเเดดน้อยที่สุด เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่เจ้าของบ้านใช้งานค่อนข้างมาก
ความสูงของหลังคาที่สูงมาก เพื่อให้เกิดความเชื่อมต่อของมวลอากาศภายใน เเละภายนอกอาคาร เเละ การเจาะช่องเปิดขนาดใหญ่เพื่อให้เกิด Negative Pressure ในอาคาร ส่งเสริม Natural Ventilation
การออกเเบบสถาปัตยกรรมที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติ ต้องคำนึงถึง ภูมิอากาศภายนอก เเละภายในพื้นที่ (Macro- and Micro-Climate) การสร้างสิ่งเเวดล้อมเพื่อลดอิทธิพลจากเเสงอาทิตย์ เเละเพิ่มการไหลเวียนของอากาศเพื่อลดความชื้น ทั้งหมดคือ ความเข้าใจในวิถีของธรรมชาติเขตร้อนชื้น เเละโยกย้าย จัดวางสิ่งปลูกสร้างให้สอดคล้องกับสภาพเเวดล้อมในพื้นที่ อีกทั้งยังใช้การออกเเบบ circulation ให้เป็นไปตามมุมมองที่สถาปนิกตั้งใจให้เดินไป เพื่อให้เกิดการซึมซับคุณภาพของสถาปัตยกรรม เเละบริบทโดยรอบอย่างที่สถาปนิกต้องการ จะเห็นได้ว่า circulation ลังนี้ทำให้เกิดการเดินไปในทิศทางที่มีความหมาย เช่น การกำหนดมุมมองที่สวยที่สุดในพื้นที่จากชานที่เชื่อมอาคารที่ชั้น ๑ เเละสามารถเดินวนไปมาได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด นอกจากนี้ circulation ยังทำหน้าที่พาเราเดินไปพบ space ต่าง ๆ หลาย ๆ เเบบ ที่อาจารย์ย้งได้ชี้ให้เห็นถึง space ที่เห็น เเละเข้าถึงไปจาก circulation หรือ space ที่เห็นเเต่เข้าถึงไม่ได้ เเละ space ที่ไม่เห็น เเต่ต้องเดินไปตาม circulation เเล้วจึงเห็น เช่น การซ่อนส่วน service เอาไว้ด้วยการกำหนด circulation ด้วย โดยเราจะไม่ทันสังเกตส่วน service เลยจนกว่าจะเดินจบ circulation ที่ออกเเบบไว้เป็นอย่างดี
ความสูงของตัวอาคารก็มีความสอดคล้องกับบริบท เช่น สัดส่วนอาคารกับต้นไม้ที่มีความใหญ่โตเหมือนกันสร้างความรู้สึกกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน เเละเชื่อมต่อกันจากกิ่งก้านสาขาของต้นจามจุรีที่แผ่ปกคลุมพื้นที่ภายนอกอาคารจนมาจรดกับชายคาชั้น ๒ ที่ยื่นออกไปจากตัวอาคาร
ผู้ออกเเบบยังใช้วัสดุพื้นถิ่นต่าง ๆ เช่น กระเบื้องดินเผาปูพื้น เนื่องจากเเนวคิดว่าวัสดุธรรมชาติ ถ้าดูเเลรักษาดีเขาก็รักเรา เเละให้ความรู้สึกรื่นรมณ์มากกว่าวัสดุอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังมีการใช้วัสดุเเบบต่าง ๆ เช่น ผนังที่ก่ออิฐฉาบปูน เเละผนังคอนกรีตในการกำหนดพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน ซึ่งเห็นได้ชัดเจนจากห้องนอน รวมทั้งการใช้เสาคอนกรีตที่ส่วนหน้า กลาง เเละท้ายอาคาร ที่เป็นการนำเอาระบบสัญลักษณ์มาใช้ในการออกเเบบ เพื่อให้บ้านไม่ใช่เเค่ที่อยู่อาศัย เเต่เป็นสถาปัตยกรรมที่มีความหมายในตัวของมันเอง
Super House
การใช้เเนวคิดทางสถาปัตยกรรมไทย เเละการใช้วัสดุใหม่ในการก่อสรา้ง เช่น หลังคา Metal Sheet ที่มีการคายความร้อนเร็วกว่าหลังคากระเบื้อง การเจาะช่องเปิดขนาดใหญ่ ให้เกิดการไหลเวียนของอากาศ การวางทิศทางของตัวอาคาร รวมทั้งการใช้วัสดุพื้น เเละผนังที่คายความร้อนเร็ว เช่น พื้นไม้ เป็นต้น การทดลองยื่นพื้นที่ห้องนอนชั้น ๒ ออกไปโดยไม่มีเสารับ เเต่เป็นระบบถักเหมือนสะพาน (Transfer Truss) เพื่อรับน้ำหนักของอาคาร เเละการถ่วงน้ำหนักของอาคาร (Back Span)
เช่นเดิม ตัวอาคารมีการวางระบบสัญลักษณ์ไว้ตามจุดต่าง ๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของสถาปนิก เช่น การวาง direction ของพื้นไม้ เพื่อกำหนด circulation เเละ function การใช้ระบบ modular ในการออกเเบบอ เป็นต้น
บ้านตัวอย่างทั้งสอง มีเเนวคิดในการออกเเบบตั้งอยู่บนพื้นฐานของวิถีชีวิตคนตะวันออกที่ต้องเผชิญกับภูมิอากาศร้อน เเละชื้นอยู่ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ การออกเเบบบ้านเพื่อให้เกิดภาวะน่าสบาย ไม่ร้อนเกินไป ไม่ชื้นเกินไป เป็นสิ่งที่ผู้อยู่อาศัยพึงปราถนา เเละเป็นหน้าที่ของสถาปนิกที่จะผสมผสานความรู้เเละเเนวคิดเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการทำงานสถาปัตยกรรมเขตร้อนชื้น
ประเด็นที่สนใจ
ความร้อนเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดความไม่สบายในการอยู่อาศัยในอาคาร หลังคาเป็นองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมชิ้นเเรก ๆ ที่สัมผัสกับความร้อน ซึ่งมีผลอย่างยิ่งในการจัดการภาวะน่าสบายในอาคารไม่เพียงเเต่เรื่องวัสดุ เเละรูปเเบบการจัดวางหลังคาก็น่าจะมีผลต่อการถ่ายเทความร้อนออกจากตัวอาคาร ผู้เขียนจึงมีความสนใจในเรื่องรูปแบบของหลังคาที่เหมาะสมกับการระบายความร้อนในตัวอาคาร รูปแบบนี้ไม่ใช่เรื่องเเบบมาตรฐานของหลังคาเท่านั้น เเต่จะทำการค้นคว้าหาวิธีสรา้งรูปแบบใหม่ ๆ ของหลังคาในการระบายความร้อนโดยเฉพาะ เพื่อไม่ให้หลังคาเป็นเเค่องค์ประกอบกันเเดด ลม ฝน อีกต่อไป
No comments:
Post a Comment