ASSIGNMENT I : CASE STUDY
Learning Landscape
จากการลงพื้นที่สัมภาษณ์ users ในโรงเรียนรุ่งอรุณ ประกอบด้วย คุณครู อนุบาล ประถม เเละมัธยม เเละเจ้าหน้าที่ ได้ข้อสรุปถึงสภาพปัจจุบัน เเละความต้องการในอนาคตในมุมมองของ users กลุ่มนี้ (ภาพที่ ๑)
ภาพที่ ๑ สรุปสภาพปัจจุบันของพื้นที่ เเละความต้องการของ users ต่อพื้นที่นี้ในอนาคต
ในหัวข้อความต้องการที่ได้จากการสัมภาษณ์ ผู้ออกเเบบมีความสนใจในประเด็นเรื่อง พื้นที่การเรียนรู้ในโรงเรียน เนื่องจากโรงเรียนรุ่งอรุณมีวิธีการเรียนการสอนที่เเตกต่างจากสถาบันอื่น ๆ คือ มีการจัดการเรียนรู้เเบบศตวรรษที่ ๒๑ คือ เน้นกระบวนการคิด (Cognitive) การรู้จักตัวเอง (Intrapersonal) เเละ การเรียนรู้ปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น (Interpersonal)
ภาพที่ ๒ การเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑
ซึ่งเมื่อได้พิจารณาสภาพปัจจุบันของโรงเรียนรุ่งอรุณโดยรอบเเล้ว พบว่ามีพื้นที่ที่มีศักยภาพที่สูงมากต่อการจัดการเรียนรู้นอกห้องเรียน เเต่ยังไม่ได้ใช้พื้นที่นี้ให้เต็มประสิทธิภาพ โดยได้สังเกตเห็นว่าพื้นที่เรียนรู้นอกห้องเรียนนั้นมีลักษณะเป็นเเนวราบ (horizontal axis) มาก เเต่ยังขาดเรื่องการเรียนรู้ในระดับเรือนยอดไม้ เนื่องจากมีระบบนิเวศที่มีความเเตกต่างกัน จึงเสนอให้ปรับปรุงพื้นที่ให้มีลักษณะเป็นอุทยานการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงทั้งเเนวดิ่ง เเละเเนวราบ โดยได้เเรงบันดาลใจจากโครงการ Crow Wood Playscape
ภาพที่ ๓ ผังโครงการ Crow Wood Playscape
การจัดการพื้นที่ในโครงการให้เกิดพื้นที่เรียนรู้ ๒ ระดับ คือ Low-side เเละ High-side ทำให้เกิดพื้นที่เรียนรู้ระดับพื้นราบ เเละระดับเรือนยอด เป็นการขยายขอบเขตการเรียนรู้ให้เต็มประสิทธิภาพของพื้นที่ ลักษณะการเรียนรู้ที่ความเสี่ยงในระดับที่ยอมรับได้ เพื่อให้เด็ก ๆ เข้าใจถึงสถานะการณ์ในโลกของความเป็นจริง
ภาพที่ ๔ ผัง Outdoor Learning Center, Newark, NJ
โครงการ Outdoor Learning Center เเม้จะไม่มีการเรียนรู้ในเเนวดิ่ง เเต่ลักษณะการวางสพานข้ามบ่อน้ำ เป็นลักษณะที่น่าสนใจที่จะนำมาใช้ในการปรับปรุงพื้นที่โรงเรียน ให้เกิดการเรียนรู้ที่ไม่ใช่อยู่เเค่ขอบเขตบ่อน้ำ เเต่สามารถก้าวเข้าไปสู่พื้นที่ที่เข้าถึงได้ยาก ด้วยโครงสรา้งทางสถาปัตยกรรม
Attractive Landscape
อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ คือ เรื่องการดึงดูดให้ users โดยเฉพาะนักเรียนให้เข้ามาใช้งานพื้นที่ เเละไม่ออกนอกพื้นที่โรงเรียนระหว่างรอผู้ปกครองมารับ เเละให้กลุ่มผู้ใช้อื่น ๆ นอกจากนักเรียนรู้สึกอยากอยู่ในพื้นที่โรงเรียน จึงได้สนใจประเด็นการสรา้งพื้นที่ให้มีความน่าสนใจด้วยวิธีต่าง อาทิ
การก่อสรา้งอาคารด้วยวัสดุที่มีในดรงเรียนรุ่งอรุณ เเละเด็กนักเรียนสามารถสร้างเองได้ ใช้วัสดุอย่างง่าย ๆ เช่น Microlibrary ของ อินโดนีเซีย ที่ใช้เเกลลอนพลาสติก reuse มาเป็นผนังอาคาร เเละโครงสรา้งอาคารที่เปิดใต้ถุนให้มีความเชื่อมต่อของ space โดยให้ประโยชน์ในเรื่องการให้ร่มเงา เป็นพื้นที่พักคอย เเละทำกิจกรรม เเละเมื่อต้องการจัดกิจกรรมขนาดใหญ่ก็สามารถใช้พื้นที่ร่วมกับ space รอบ ๆ อาคาร ทำให้ดกิดความลื่นไหลของ space มากขึ้น
ภาพที่ ๕ Microlibrary, Surganya Bacaan Taman Bima, Indonesia
ภาพที่ ๖ เเละ ๗ สวนของโมเน่ต์
เลือกกรณีศึกษานี้มาเนื่องจากมีความประทับใจในการสรา้งเเรงดึงดูดของพื้นที่ต่อผู้คน คือ สวนของโมเน่ต์ที่มีพืชพรรณที่เบ่งบานในช่วงเวลาต่าง ๆ ในรอบปี สรา้งความน่าสนใจในพื้นที่ เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่น่านำมาใช้ในการจัดการพื้นที่ดรงเรียนรุ่งอรุณ
ภาพที่ ๘ เเละ ๙ การวิเคราะหฺพื้นที่ที่มีลักษณะคล้ายกับพื้นที่โรงเรียนรุ่งอรุณ
งานของ SANAA ชิ้นนี้มีลักษณะพื้นที่ที่ใกล้เคียงโรงเรียนรุ่งอรุณ คือ เป็นพื้นที่ที่ถูกล้อมด้วยทางสัญจรของยานพาหนะต่าง ๆ ซึ่งเมื่อสังเกต circulation จะพบว่ามีการเข้าถึงได้หลายทางเช่นเดียวกัน เเต่พื้นที่ภายในอาคารมีการจัดการให้เกิด common space มากมาย สรา้งพื้นที่ใหม่ ๆ ในการใช้งาน เเละหลังคาที่โปร่งเเสง ทำให้ยังสัมผัสกับะรรมชาติได้ในระดับหนึ่ง เเละหลังคาสูงโปร่งช่วยให้อากาศไหลเวียบถ่ายเทสะดวก เพื่อจุดประสงค์ในการลดความชื้น เเละสรา้งสภาพเเสงให้เหมาะกับการเรียนรู้ เป้นการสรา้งบรรยากาศให้ชวนเข้ามาใช้งานพื้นที่
ข้อเสนอเเนะ
ให้ทบทวนคำว่าระบบนิเวศ หลักการที่ทำให้เกิดระบบนิเวศ เเละนำมาปรับใช้กับการจัดการพื้นที่ในเชิงสถาปัตยกรรม เช่น ระบบนิเวศที่ทำให้เกิดกิจกรรมของผู้คนที่เข้ามาใช้ในพื้นที่ในช่วงเวลาที่เเตกต่างกัน ในสเกลของวัน สัปดาห์ เดือน เเละปี ให้เกิดระบบนิเวศที่ทำให้เกิดการเรียนรู้ เเละสร้างอุทยานการเรียนรู้ผ่านการออกเเบบทางสถาปัตยกรรม อาทิ circle ที่ต่อเนื่องไม่มีจุดขาด สถาปัตยกรรมที่สร้างความสัมพันธ์ เเละเอื้อประโยชน์ซึ่งกันเเละกัน ความสมบูรณ์ของระบบนิเวศในโรงเรียนรุ่งอรุณ
No comments:
Post a Comment